ในศตวรรษที่ 12 ยุคทองของศิลปะไทยโบราณได้เบ่งบานเป็นอย่างมาก ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจากทั่วแคว้นได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่วิจิตรบรรจงและน่าทึ่ง เป็นเครื่องหมายแห่งความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของอาณาจักรขอม ศาสนาพุทธได้แผ่ขยายไปทั่วดินแดน และพระพุทธรูปก็กลายเป็นศูนย์กลางของศรัทธาและความเคารพ
ในหมู่ผลงานอันล้ำค่าเหล่านี้ พระพุทธรูปศักย SSI ที่สร้างโดยช่างฝีมือผู้มีชื่อว่า “Eiam” ได้โดดเด่นออกมาด้วยความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ พระพุทธรูปองค์นี้ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรุงเทพมหานคร เป็นสัญลักษณ์ของความสามารถอันล้ำเลิศและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดของช่างศิลป์ไทยโบราณ
พระพุทธรูปศักย SSI สร้างขึ้นจากหินทรายสีแดงอมชมพู ซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้กันในยุคนั้น หินทรายถูกแกะสลักอย่างประณีตโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รูปทรงของพระพุทธรูปที่สมส่วนและงดงาม
ลักษณะเด่นของพระพุทธรูปศักย SSI
ลักษณะ | คำอธิบาย |
---|---|
ท่าประทับ | พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ |
ปาง | ปางมารวิชัย (ปางฉันท์) แสดงถึงพระพุทธองค์ทรงเอาชนะมาร |
ใบหน้า | ใบหน้าเรียวแหลม ผิวพรรณเนียน |
ดวงตา | ดวงตาที่คมและ penetrative เป็นสัญลักษณ์ของความรู้แจ้ง |
ผม | ผมเป็นลอนค่อนข้างยาวและเรียบ |
นอกจากการแกะสลักหินทรายอย่างประณีตแล้ว ช่างฝีมือยังได้ลงสีและตกแต่งพระพุทธรูปด้วยทองคำเปลว สีทองเหลืองอร่ามที่ส่องประกายบนใบหน้า และเครื่องทรงของพระพุทธรูป ทำให้องค์พระดูสง่างามและศักดิ์สิทธิ์
ความหมายเชิงสัญลักษณ์
พระพุทธรูปศักย SSI นอกจากจะเป็นงานศิลปะที่งดงามแล้ว ยังเป็นสื่อแสดงถึงความเชื่อทางศาสนาพุทธของชาวไทยโบราณ ปางมารวิชัยซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ประทับอยู่ แสดงถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้าเหนือกิเลสและอธรรม
ดวงตาที่คมและ penetrative ของพระพุทธรูป เป็นสัญลักษณ์ของความรู้แจ้งและความเมตตา ท่ามกลางความสงบและศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้ช่างดูสง่างามราวกับมีชีวิตชีวา
การศึกษาพระพุทธรูปศักย SSI ช่วยให้เราเข้าใจถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และศาสนาของไทยโบราณ
ความงดงามและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของพระพุทธรูปองค์นี้ ทำให้เป็นมรดกที่ทรงคุณค่าและควรค่าแก่การอนุรักษ์